ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่าจะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุม G20 ช่วงปลายเดือนนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และจากการที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,465.54 จุด เพิ่มขึ้น 353.01 จุด หรือ +1.35% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,953.88 จุด เพิ่มขึ้น 108.86 จุด หรือ +1.39% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,917.75 จุด เพิ่มขึ้น 28.08 จุด หรือ +0.97%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ ระบุว่า เขาจะพบกับปธน.สี จิ้นผิง ผู้นำของจีน ในการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนนี้ พร้อมกับเปิดเผยว่า เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับปธน.สี จิ้นผิง ซึ่งการหารือเป็นไปด้วยดี ขณะที่คณะเจรจาการค้าของสหรัฐและจีนจะเริ่มการเจรจาครั้งใหม่ก่อนที่เขาและปธน.สี จิ้นผิงจะพบปะกันในการประชุมครั้งนี้
ทางด้านปธน.สี จิ้นผิงกล่าวว่า เขาพร้อมที่จะพบกับปธน.ทรัมป์ที่นครโอซากาของญี่ปุ่น เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเด็นต่างๆในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ นอกจากนี้ ปธน.สี จิ้นผิง ยังเน้นย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายควรจะแก้ไขปัญหาการค้าผ่านทางการเจรจาที่มีความเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดหวังว่า การพบปะกันของปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G20 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28-29 มิ.ย. จะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อประเด็นการค้าระหว่างประเทศนั้น พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 5.4% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.6% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 3.05% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 1.9% หุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 2.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 3.5% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 3.5% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.08% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดตัวขึ้น 1.1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและบริษัทผลิตชิพได้รับแรงหนุนจากความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเช่นกัน โดยหุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นบรอดคอม พุ่งขึ้น 4.5% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 5.7% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 5.4% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 1.04%
หุ้นเฟซบุ๊ก ปิดตลาดขยับลง 0.3% หลังจากที่พุ่งขึ้นในช่วงแรก อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า เฟซบุ๊กประกาศแผนการสร้างสกุลเงินดิจิทัลซึ่งจะใช้ชื่อว่า Libra ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า โดยเฟซบุ๊กหวังว่า Libra จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถโอนเงินไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกได้อย่างสะดวกง่ายดาย และไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกับการส่งภาพ หรือข้อความ
ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB แถลงเมื่อวานนี้ว่า ECB อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง หรือเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE หากเงินเฟ้อยังไม่แตะเป้าหมายของ ECB พร้อมระบุว่า หากเศรษฐกิจย่ำแย่ลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ECB ก็อาจประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ และจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้ออกมาส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกเหนือจากการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1/2562, ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ค.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.