ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันนี้ ก่อนการประกาศผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,531.89 จุด บวก 66.35 จุด หรือ 0.25%
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้
ตลาดการเงินได้เพิ่มการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ก็ได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้
อย่างไรก็ดี FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ โดยมีโอกาส 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และมีโอกาส 97% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G20 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28-29 มิ.ย. โดยหวังว่าการพบปะกันดังกล่าวจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง
ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในเดือนที่แล้ว โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้ ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10%
อย่างไรก็ดี นายสตีฟ ชวาร์ซแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแบล็คสโตน ไม่เชื่อมั่นว่า การพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G20 จะส่งผลให้เกิดข้อตกลงทางการค้า
"ผมคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะมีข้อตกลงทางการค้า เพราะแทบไม่มีความคืบหน้าเกิดขึ้นนับตั้งแต่เดือนพ.ค. หลังจากที่การเจรจาการค้ารอบสุดท้ายได้สิ้นสุดลง" นายชวาร์ซแมนกล่าว
นายชวาร์ซแมนระบุว่า ปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง จะต้องทำการตัดสินใจก่อนว่าพวกเขาจะยอมรับเงื่อนไขของแต่ละฝ่ายได้มากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงทำการเจรจาในรายละเอียด
"ผมคิดว่าการคาดการณ์ที่ว่าผู้นำทั้งสองจะลงนามในข้อตกลงการค้า คงไม่เกิดขึ้นจริง" เขากล่าว
ทั้งนี้ แบล็คสโตนเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์