ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 117.47 จุด ขานรับสหรัฐ-จีนสงบศึกการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 2, 2019 06:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะระงับการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าและเตรียมรื้อฟื้นการเจรจาการค้ารอบใหม่ นอกจากนี้ สหรัฐยังได้ยกเลิกคำสั่งแบนบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีน โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพพุ่งขึ้น รวมถึงหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของหัวเว่ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,717.43 จุด เพิ่มขึ้น 117.47 จุด หรือ +0.44% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,964.33 จุด เพิ่มขึ้น 22.57 จุด หรือ +0.77% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,091.16 จุด เพิ่มขึ้น 84.92 จุด หรือ +1.06%

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ตกลงกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มการเจรจาการค้าอีกครั้ง บนพื้นฐานของความเท่าเทียม และความเคารพซึ่งกันและกัน โดยสหรัฐและจีนจะระงับการเพิ่มภาษีต่อสินค้านำเข้าครั้งใหม่

นอกจากนี้ สหรัฐจะอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ สามารถซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์สหรัฐ และบริษัทสหรัฐสามารถขายอุปกรณ์ให้กับหัวเว่ย โดยจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพดีดตัวขึ้นขานรับข่าวสหรัฐยกเลิกคำสั่งแบนหัวเว่ย โดยหุ้นบรอดคอม พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3.9% หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 1.2% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ พุ่งขึ้น 2% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.5% และหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.8%

หุ้นวินน์ รีสอร์ท พุ่งขึ้น 5.9% หลังจากบริษัทกวาดรายได้จากธุรกิจพนันในมาเก๊าเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ในเดือนมิ.ย. ขณะที่หุ้นของบรรดาบริษัทคู่แข่งของวินน์ รีสอร์ท ปรับตัวขึ้นเช่นกัน รวมถึงหุ้นเมลโค รีสอร์ท แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ พุ่งขึ้น 5.1% และหุ้นเวกัส แซนด์ พุ่งขึ้น 4.9%

หุ้นจีนซี แอนด์ ไวโอมิ่ง ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจสร้างถนน ทะยานขึ้น 8.8% หลังจากจีนซีได้ตกลงเข้าซื้อกิจการบริษัทบรู้คฟิลด์ อินฟราสตัคเจอร์ พาร์ทเนอร์ มูลค่า 8.4 พันล้านดอลลาร์

หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 1% หลังจากบริษัทประกาศความสำเร็จในการศึกษาทดลองยารักษาโรคเรื้อนกวาง (Eczema)

หุ้นโคคา-โคลา ดีดตัวขึ้น 1.3% หลังจากอนุญาโตตุลาการของสหรัฐได้อนุญาตให้โคคา-โคลาขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ให้พลังงานได้โดยไม่ขัดกับเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาที่ทำร่วมกับบริษัทมอนส์เตอร์ เบเวอเรจ ขณะที่ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นมอนส์เตอร์ เบเวอเรจ ดีดตัวขึ้น 1.5%

อย่างไรก็ตาม หุ้นบริษัทรายใหญ่บางแห่งปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 7.5% เนื่องจากความกังวลที่ว่าเครื่องบินรุ่น 737 MAX ของโบอิ้งอาจต้องถูกห้ามบินต่อไป

ขณะที่หุ้นโคตี้ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องสำอาง ร่วงลง 13.5% หลังจากบริษัทประกาศแผนธุรกิจซึ่งจะทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 160 ล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นฟรีพอรท์-แมคมอแรน ปรับตัวลง 1.4% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2 เนื่องจากราคาโลหะทองแดงชะลอตัวลง

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ขยับขึ้นสู่ระดับ 50.6 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 50.5 ในเดือนพ.ค. ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 51.7 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 52.1 ในเดือนพ.ค.

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างร่วงลง 0.8% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ