ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อการที่สหรัฐขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) วงเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่เพิ่งบรรลุข้อตกลงกับจีนในการระงับการขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์
ณ เวลา 20.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 37 จุด หรือ 0.14% สู่ระดับ 26,663 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ จากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะระงับการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า และเตรียมรื้อฟื้นการเจรจาการค้ารอบใหม่ นอกจากนี้ สหรัฐยังได้ยกเลิกคำสั่งแบนบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีน โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพพุ่งขึ้น รวมถึงหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของหัวเว่ย
อย่างไรก็ดี สหรัฐกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสินค้านำเข้าจาก EU วงเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้ต่อการที่ EU ให้เงินอุดหนุนอย่างผิดกฎหมายแก่อุตสาหกรรมผลิตเครื่องบิน
ทั้งนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เสนอให้มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU จำนวน 89 รายการ คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ โดยรายการสินค้าดังกล่าวครอบคลุมถึง ชีส นม กาแฟ ผลิตภัณฑ์โลหะบางชนิด เช่นทองแดง รวมถึงวิสกี้ และผลิตภัณฑ์เนื้อหมู
การที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อ EU หรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับผลการตัดสินขององค์การการค้าโลก (WTO) กรณีที่ EU ให้เงินอุดหนุนการผลิตเครื่องบิน โดยเฉพาะต่อบริษัทแอร์บัส
ขณะเดียวกัน USTR จะจัดทำประชาพิจารณ์ในเดือนหน้าเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อ EU
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ตกลงกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่จะเริ่มการหารือทางการค้าอีกครั้ง บนพื้นฐานของความเท่าเทียม และความเคารพซึ่งกันและกัน โดยสหรัฐและจีนจะระงับการเพิ่มภาษีต่อสินค้านำเข้าครั้งใหม่
นอกจากนี้ สหรัฐจะอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ สามารถซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์สหรัฐ และบริษัทสหรัฐสามารถขายอุปกรณ์ให้กับหัวเว่ย โดยจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ