ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนไม่สนใจคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐที่จะกำหนดภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าของสหภาพยุโรป (EU) มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.37% ปิดที่ 389.29 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,576.82 จุด เพิ่มขึ้น 8.91 จุด หรือ +0.16% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,526.72 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด หรือ +0.04% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,559.19 จุด เพิ่มขึ้น 61.69 จุด หรือ +0.82%
ตลาดปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนปรับตัวรับข่าวที่ว่า สหรัฐเตรียมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสินค้านำเข้าจาก EU วงเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้ต่อการที่ EU ให้เงินอุดหนุนอย่างผิดกฎหมายแก่อุตสาหกรรมผลิตเครื่องบิน
ทั้งนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เสนอให้มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU จำนวน 89 รายการ คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ โดยรายการสินค้าดังกล่าวครอบคลุมถึง ชีส นม กาแฟ ผลิตภัณฑ์โลหะบางชนิด เช่นทองแดง รวมถึงวิสกี้ และผลิตภัณฑ์เนื้อหมู
การที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อ EU หรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับผลการตัดสินขององค์การการค้าโลก (WTO) กรณีที่ EU ให้เงินอุดหนุนการผลิตเครื่องบิน โดยเฉพาะต่อบริษัทแอร์บัส
ขณะเดียวกัน USTR จะจัดทำประชาพิจารณ์ในเดือนหน้าเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อ EU
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางขนาดใหญ่จะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อรับมือกับผลกระทบด้านความขัดแย้งทางการค้า
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยขาลง โดยหุ้นอิตัลแก๊ส บวก 2.24% หุ้นเทอร์นา เพิ่มขึ้น 3.52% และหุ้นฮีรา ปรับตัวขึ้น 2.39%