ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้อ่อนตัวลง ในขณะที่นักลงทุนจับตาจุดยืนของสหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU) หลังจากสหรัฐขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก EU
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,608.73 จุด ลดลง 145.54 จุด, -0.67% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 28,823.37 จุด ลดลง 52.19 จุด, -0.18% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,685.34 จุด ลดลง 5.66 จุด, -0.33%
สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เสนอให้มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU จำนวน 89 รายการ คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรายการสินค้าดังกล่าวครอบคลุมถึง ชีส นม กาแฟ วิสกี้ ผลิตภัณฑ์เนื้อหมู และผลิตภัณฑ์โลหะบางชนิด เช่นทองแดง โดย USTR จะจัดทำประชาพิจารณ์ในเดือนหน้าเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อ EU
ทั้งนี้ การที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อ EU หรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับผลการตัดสินขององค์การการค้าโลก (WTO) กรณีที่ EU ให้เงินอุดหนุนการผลิตเครื่องบิน โดยเฉพาะต่อบริษัทแอร์บัส
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย.ของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากการชะลอตัวของยอดส่งออกได้บดบังความแข็งแกร่งของธุรกิจใหม่ๆภายในประเทศที่ได้รับปัจจัยหนุนจากนโยบายของรัฐบาลและบรรยากาศในตลาดที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 52 ลดลงจากระดับ 52.7 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 4.0307 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.1 พันล้านดอลลาร์จากเดือนพ.ค.
ปัจจัยที่ทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย.นั้น มาจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินอื่นๆในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ปรับตัวสูงขึ้น เช่น สกุลเงินยูโร