ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการที่หุ้นกลุ่มเหมือง และหุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านร่วงลง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนหมดหวังที่จะเห็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากในเดือนนี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,553.14 จุด ลดลง 50.44 จุด หรือ -0.66%
ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนหมดหวังที่จะเห็นเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงมากถึง 0.50% ในการประชุมเฟดวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 224,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จะเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่ง หลังขยายตัวเพียง 72,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เนื่องจากค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเพียง 6 เซนต์ หรือ 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 27.90 ดอลลาร์/ชั่วโมง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ค.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถ่วงตลาดลง หลังจากบรรดาบริษัทเหล็กกล้ารายใหญ่ของจีนจัดตั้งกลุ่มเพื่อตรวจสอบการพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ของราคาสินแร่เหล็ก โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 2.46% หุ้นริโอ ทินโต ดิ่งลง 3.83% และ หุ้น EVRAZ ร่วง 3.68%
หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านปรับตัวลงด้วย โดยถูกกดดันหลังจากผลสำรวจบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของอังกฤษมีความเห็นเชิงลบมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจท่ามกลางความวิตกอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)