ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) โดยปรับตัวลงต่อเนื่อง 7 วัน ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558 ขณะที่หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์นำตลาดร่วงลงตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐ หลังถูกกดดันจากการที่ทำเนียบขาวของสหรัฐพยายามเข้าแทรกแซงราคายา
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,505.97 จุด ลดลง 3.85 จุด หรือ -0.05%
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์นำตลาดร่วงลง หลังทำเนียบขาวของสหรัฐพยายามเข้าแทรกแซงราคายา แต่หุ้นขนาดกลางพุ่งขึ้นรับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้ และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) รายหนึ่งกล่าวว่า BOE อาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับเกือบ 0% หากอังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แบบไร้ข้อตกลง
หุ้นแอสตราเซเนกา และ หุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ ปรับตัวลง 0.87% และ 1.25%ตามลำดับ โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐพยายามควบคุมราคายา
หุ้นกลุ่มส่งออก อาทิ ดิอาจิโอ ลบ 1.27% โดยถูกกดดันจากการที่ปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยดอลลาร์ถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค.นี้
หุ้นจัส อีต ซึ่งเป็นบริษัทบริการสั่งอาหารออนไลน์ ร่วงลง 1.47%