ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเมื่อวันศุกร์ (12 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้ และจากการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่บ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐ ซึ่งจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,332.03 จุด เพิ่มขึ้น 243.95 จุด หรือ +0.90% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,013.77 จุด เพิ่มขึ้น 13.86 จุด หรือ +0.46% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,244.14 จุด เพิ่มขึ้น 48.10 จุด หรือ +0.59%
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุย้ำในวันที่ 2 ของการแถลงต่อสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดีว่า เฟดจะดำเนินการในสิ่งที่เหมาะสมต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และเรียกร้องให้สภาปรับเพิ่มเพดานหนี้ในเวลาที่เหมาะสม
นายพาวเวลได้กล่าวแถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพฤหัสบดี โดยเขายังคงส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. เช่นเดียวกับการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดจะดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ปัจจัยลบหลายประการ เช่น ความตึงเครียดทางการค้า และความวิตกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก กำลังถ่วงแนวโน้มเศรษฐกิจ
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐ ซึ่งจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยจะมีการเปิดเผยกำไรและรายได้ของธนาคารขนาดใหญ่ เช่น เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้ กรุ๊ป, โกลด์แมน แซคส์ และแบงก์ ออฟ อเมริกา
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการดิ่งลงมากกว่า 2% ในไตรมาส 2
นักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์มากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค. หลังจากที่นายพาวเวลส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
ทั้งนี้ ในการสำรวจล่าสุด พบว่า FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 77.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 2.25-2.50% และมีโอกาส 22.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 1.75-2.00%
หุ้นอิลลูมินา ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ ดิ่งลง 16.12% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ทั้งปีลงสู่อัตราการขยายตัวที่ 6% และระบุว่า รายได้ในไตรมาส 2 ของบริษัท จะต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด
หุ้นดอยซ์แบงก์พุ่ง 2.5% หลังธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์ ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนหุ้นดอยซ์แบงก์จาก "ขาย" เป็น "ลงทุนปานกลาง" โดยระบุว่า แผนปรับโครงสร้างของดอยซ์แบงก์จะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานด้านกฏระเบียบ ซึ่งจะสร้างภาวะที่สมดุลมากขึ้นสำหรับความเสี่ยงและผลตอบแทน
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาดปรับตัวขึ้นเกือบ 1.7%
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% เช่นกันในเดือนพ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้นเพียง 1.7% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2560 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนพ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะทรงตัวในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบรายปี
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ ทรงตัวในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ติดต่อกัน 2 เดือน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค.