ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิต และยอดค้าปลีกที่สูงกว่าคาดการณ์ แม้เศรษฐกิจจีนโดยรวมมีการขยายตัวในไตรมาส 2 ต่ำที่สุดในรอบ 27 ปีก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.23% ปิดที่ 387.75 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,578.21 จุด เพิ่มขึ้น 5.35 จุด หรือ +0.10% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,387.34 จุด เพิ่มขึ้น 64.02 จุด หรือ +0.52% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,531.72 จุด เพิ่มขึ้น 25.75 จุด หรือ + 0.34%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 9.8% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 8.5% และ การผลิตในภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 6.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 5.2%
อย่างไรก็ดี NBS รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2562 ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 27 ปี และชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ที่มีการขยายตัว 6.4% โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามระหว่างจีนและสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีกในการประชุมสัปดาห์หน้า เมื่อพิจารณาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการจากบริษัทชั้นนำในยุโรป อาทิ เอสเอพี เอเอสเอ็มแอล และ โนวาติส ซึ่งจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ในสัปดาห์นี้
สำหรับหุ้นบวกในตลาดหุ้นเยอรมนี ได้แก่ หุ้นไวร์การ์ดพุ่งขึ้น 3.64% หุ้นโคเวสโตร และ หุ้นอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ บวก 2.96% และ 2.47% ตามลำดับ
ส่วนหุ้นบวกในตลาดหุ้นอังกฤษนำโดย หุ้นจัสต์ อีต พุ่งขึ้น 4.28% และ หุ้นแอนโทฟากัสตา พุ่งขึ้น 4.01%