ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ขานรับรัฐบาลจีนเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิต และยอดค้าปลีกที่สูงกว่าคาดการณ์ แม้เศรษฐกิจจีนโดยรวมมีการขยายตัวในไตรมาส 2 ต่ำที่สุดในรอบ 27 ปีก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,531.72 จุด เพิ่มขึ้น 25.75 จุด หรือ +0.34 %
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 9.8% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 8.5% และ การผลิตในภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 6.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 5.2%
อย่างไรก็ดี NBS รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2562 ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 27 ปี และชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ที่มีการขยายตัว 6.4% โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามระหว่างจีนและสหรัฐ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่แข็งแกร่งเกินคาด
หุ้นแอนโทฟากัสตา พุ่งขึ้น 4.01% หลังศาลของธนาคารโลกสั่งให้ปากีสถานชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 5.8 พันล้านดอลลาร์ให้กับบริษัท Tethyan Copper ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างแอนโทฟากัสตากับบริษัทบาร์ริค โกลด์ ในข้อพิพาทเกี่ยวกับเหมืองทองแดง
หุ้นจัสต์ อีต พุ่งขึ้น 4.28%