ดาวโจนส์พุ่งเกือบ 100 จุด ขานรับผลประกอบการ"ไมโครซอฟท์",เก็งเฟดหั่นดบ. 0.50%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 19, 2019 21:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 100 จุดในวันนี้ ขานรับการประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทไมโครซอฟท์ อิงค์

นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังได้ปัจจัยบวกจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนนี้

ณ เวลา 21.21 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,321.08 จุด บวก 98.11 จุด หรือ 0.36%

ราคาหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 2.5% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 4 ในปีงบดุลบัญชีของบริษัท โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจคลาวด์

ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ระบุว่ามีกำไร 1.37 ดอลลาร์/หุ้น โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.21 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทรายงานรายได้ที่ระดับ 3.372 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.277 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะนี้ มีบริษัทมากกว่า 15% ของดัชนี S&P 500 ที่ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว ราว 79% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการลดลง 3% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงของผลประกอบการรายไตรมาสครั้งแรกในรอบ 3 ปี

แบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ แบล็คร็อคระบุว่า บริษัทมีกำไร 6.41 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.50 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ แบล็คร็อคเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ลดลง 2.2% สู่ระดับ 3.52 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เช่นกัน

อย่างไรก็ดี บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการที่ระดับ 6.84 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 6.30 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดการณ์มากยิ่งขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนนี้ หลังการกล่าวถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด 2 รายเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 59% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค. หลังการกล่าวสุนทรพจน์ของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เมื่อวานนี้ และตัวเลขดังกล่าวพุ่งขึ้นแตะ 69% หลังการกล่าวถ้อยแถลงของนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด

นายวิลเลียมส์ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของ Central Bank Research Association ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว โดยเน้นย้ำว่า การใช้มาตรการป้องกันเอาไว้ก่อนที่จะเกิดหายนะนั้น ถือเป็นแนวทางที่ดีกว่า และเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำขณะนี้ เฟดควรจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและจริงจัง

ทางด้านนายแคลริดากล่าวเช่นกันว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี

นายโจเซฟ ลาวอร์ญา หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทนาติซิส กล่าวว่า ถ้อยแถลงของนายวิลเลียมส์เป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนนี้

หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. ก็จะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่เน้นย้ำว่า เฟดต้องยุติการคุมเข้มนโยบายการเงินที่"บ้าคลั่ง"

"ผมชอบถ้อยแถลงครั้งแรกของคุณจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก มากกว่าถ้อยแถลงครั้งที่ 2 โดยถ้อยแถลงครั้งแรกถูกต้อง 100% เกี่ยวกับการพูดที่ว่า เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป และล่วงหน้ามากเกินไป นอกจากนี้ เฟดจะต้องยุติการใช้นโยบายคุมเข้มเชิงปริมาณที่บ้าคลั่ง ขณะเราอยู่ในโลกแห่งการแข่งขัน" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ตลาดตีความว่า การกล่าวถ้อยแถลงของนายวิลเลียมส์ในการประชุมประจำปีของ Central Bank Research Association เมื่อวานนี้ ป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนนี้

อย่างไรก็ดี เฟดสาขานิวยอร์ก ออกมาชี้แจงในภายหลังว่า การกล่าวสุนทรพจน์ของนายวิลเลียมส์ เป็นเพียงการกล่าวในเชิงวิชาการ บนพื้นฐานของการวิจัยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยไม่ได้เป็นการบ่งชี้ถึงการดำเนินนโยบายของเฟดในวันที่ 30-31 ก.ค.แต่อย่างใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ