ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในเดือนนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันและเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันได้ช่วยหนุนตลาดขึ้นด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.12% ปิดที่ 387.25 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,552.34 จุด เพิ่มขึ้น 1.80 จุด หรือ +0.03% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,260.07 จุด เพิ่มขึ้น 32.22 จุด หรือ +0.26% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,508.70 จุด เพิ่มขึ้น 15.61 จุด หรือ +0.21%
ตลาดปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนขานรับการคาดการณ์มากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในเดือนนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟด 2 รายกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันพฤหัสบดี
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 59% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้
นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของ Central Bank Research Association ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี โดยระบุว่า เฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว โดยเน้นย้ำว่า การใช้มาตรการป้องกันเอาไว้ก่อนที่จะเกิดหายนะนั้น ถือเป็นแนวทางที่ดีกว่า และเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำขณะนี้ เฟดควรจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและจริงจัง
ทางด้านนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟดกล่าวเช่นกันว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี
หุ้นแอนฮอยเซอร์-บุช อินเบฟของเบลเยียม พุ่งขึ้น 5.54% หลังบริษัทเปิดเผยว่า ได้ตกลงที่จะขายบริษัทคาร์ลตันแอนด์ยูไนเต็ดในออสเตรเลียซึ่งเป็นบริษัทในเครือให้กับบริษัทอาซาฮีของญี่ปุ่น โดยคาร์ลตันมีมูลค่าธุรกิจประมาณ 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มน้ำมันและเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นรับข่าวที่ว่ากองทัพเรือสหรัฐยิงทำลายโดรนลำหนึ่งของอิหร่านตกในช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเพิ่มความตึงเครียดครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง และอาจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน
หุ้นแอนโทฟากัสตา นำตลาดทะยานขึ้น 3.94% ขณะที่หุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 1% และ หุ้นเชลล์ บวก 0.71%