ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการบวกขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับการคาดการณ์ในตลาดอีกครั้งว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในเดือนนี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,508.70 จุด เพิ่มขึ้น 15.61 จุด หรือ +0.21%
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันซึ่งพุ่งขึ้นรับข่าวความตึงเครียดครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง หลังกองทัพเรือสหรัฐยิงโดรนลำหนึ่งของอิหร่านตกในช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดครั้งใหม่
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในเดือนนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟด 2 รายกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันพฤหัสบดี
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 59% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้
นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของ Central Bank Research Association ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี โดยระบุว่า เฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว โดยเน้นย้ำว่า การใช้มาตรการป้องกันเอาไว้ก่อนที่จะเกิดหายนะนั้น ถือเป็นแนวทางที่ดีกว่า และเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำขณะนี้ เฟดควรจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและจริงจัง
ทางด้านนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟดกล่าวเช่นกันว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี
หุ้นกลุ่มน้ำมันและเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดรับข่าวความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและอิหร่าน โดยหุ้นแอนโทฟากัสตา นำตลาดทะยานขึ้น 3.94% หุ้นแองโกล อเมริกัน บวก 2.27% หุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 1% และ หุ้นเชลล์ บวก 0.71%