ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 11 เดือน โดยหุ้นกลุ่มส่งออกได้แรงหนุนจากการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง หลังนายบอริส จอห์สัน ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม และจะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,556.86 จุด เพิ่มขึ้น 41.93 จุด หรือ +0.56%
หุ้นกลุ่มส่งออกได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า นายจอห์นสันจะผลักดันให้อังกฤษออกจากสภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 31 ต.ค. แบบไม่มีข้อตกลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน และจากการที่รัฐบาลสหรัฐและสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณรายจ่าย
หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ จะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งในสัปดาห์หน้า เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐและสมาชิกระดับแกนนำในสภาคองเกรส ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณแล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมงบประมาณเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งจะทำให้มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวขึ้น โดยหุ้นบีพี บวก 0.30% และ หุ้นเชลล์ เพิ่มขึ้น 0.62%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเอชเอสบีซี บวก 0.51% และ หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เพิ่มขึ้น 1.56%