ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับการประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย และซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนก.ย.
ณ เวลา 19.25 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 105 จุด หรือ 0.39% สู่ระดับ 27,342 จุด
ขณะนี้ บริษัทจำนวน 33% ของดัชนี S&P 500 ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว ราว 75% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด
บริษัทอัลฟาเบท, อเมซอน, อินเทล, สตาร์บัค และแมทเทล มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการ หลังปิดตลาดวันนี้
ราคาหุ้นของบริษัทเฟซบุ๊ก อิงค์ทะยานขึ้น 2.2% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยได้ปัจจัยบวกจากรายได้โฆษณาที่พุ่งขึ้น
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.99 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.88 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน บริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ 7.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.87 ดอลลาร์
บริษัทคอมแคสต์ สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่รายได้ต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ คอมแคสต์เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 78 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 75 เซนต์/หุ้น อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 2.686 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.706 หมื่นล้านดอลลาร์
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
นอกจากนี้ ECB ระบุว่า จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไป หรือปรับลดลง อย่างน้อยจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563
"กรรมการบริหารของ ECB ได้มอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมระบบการเงินยุโรปทำการศึกษาทางเลือกต่างๆ ซึ่งรวมถึงแนวทางการชี้นำนโยบายการเงิน, การใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดขนาดและองค์ประกอบของการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่" แถลงการณ์ของ ECB ระบุ
แถลงการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือทำการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนก.ย.
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ก.ค. รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนที่นครเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 30-31 ก.ค.เช่นกัน
นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้
ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ แสดงความเชื่อมั่นต่อการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ นายมนูชิน และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ จะเดินทางไปยังจีนในวันจันทร์หน้า เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่จีนในวันอังคารและวันพุธ
"เรามีประเด็นที่ต้องหารือมากมาย ผมคาดหวังว่าหลังจากการประชุมครั้งนี้แล้ว เราจะมีการประชุมอีกครั้งที่วอชิงตัน ดีซี และหวังว่าเราจะยังคงมีความคืบหน้าต่อไป" นายมนูชินกล่าว
นายมนูชินยังกล่าวว่า การที่จีนเลือกสถานที่เจรจาเป็นนครเซี่ยงไฮ้ แทนที่จะเป็นกรุงปักกิ่ง ถือเป็นการสื่อความหมายที่ดี เนื่องจากนครเซี่ยงไฮ้เป็นสถานที่ซึ่งสหรัฐและจีนได้ลงนามในแถลงการณ์เซี่ยงไฮ้ในปี 2515 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน