ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงฟอร์ด มอเตอร์ และเทสลา มอเตอร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในการประชุมเมื่อวานนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,140.98 จุด ลดลง 128.99 จุด หรือ -0.47% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,003.67 จุด ลดลง 15.89 จุด หรือ -0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,238.54 จุด ลดลง 82.96 จุด หรือ -1.00%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา โดยฟอร์ด มอเตอร์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรในไตรมาส 2 ปีนี้เพียง 4 เซนต์/หุ้น ซึ่งลดลงอย่างมากจากไตรมาส 2 ปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 27 เซนต์/หุ้น และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรของฟอร์ดจะอยู่ที่ 32 เซนต์/หุ้น ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปิดตลาดร่วงลง 7.45%
หุ้นเทสลา มอเตอร์ ปิดตลาดทรุดฮวบลง 13.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 408 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.31 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 2
หุ้นคอมแคสต์ สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 0.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.686 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.706 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่กำไรอยู่ที่ระดับ 78 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 75 เซนต์/หุ้น
หุ้นซิลลินซ์ (Xilinx) ผู้ผลิตชิพรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด อันเนื่องมาจากการที่รัฐบาลสหรัฐสั่งแบนการขายอุปกรณ์ให้กับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีน
หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวลง 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า การบังคับใช้กฎระเบียบใหม่ซึ่งมุ่งเน้นการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น อาจส่งผลให้รายได้ของบริษัทชะลอตัวลงในปีหน้า อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กระบุว่า บริษัทมีกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.99 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.88 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทมีผลประกอบการขาดทุน 5.82 ดอลลาร์/หุ้น สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีกำไร 1.87 ดอลลาร์/หุ้น โดยมีสาเหตุจากการที่เครื่องบิน 737 MAX ยังคงถูกสั่งห้ามบิน
หุ้นเพย์พาล ร่วงลง 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2
นอกเหนือจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนแล้ว นักลงทุนยังผิดหวังต่อการที่ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ยูโรโซนมีความเสี่ยงต่ำที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่า ประธาน ECB ยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และอาจจะไม่เร่งดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนที่นครเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 30-31 ก.ค.เช่นกัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2562 โดยทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย