ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,221.35 จุด เพิ่มขึ้น 28.90 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,020.97 จุด ลดลง 4.89 จุด หรือ -0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,293.33 จุด ลดลง 36.88 จุด หรือ -0.44%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเมื่อคืนนี้ ก่อนที่นักลงทุนจะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันพุธที่ 31 ก.ค.ตามเวลาไทย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสเกือบ 76% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และมีโอกาสเพียง 24% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
นักลงทุนจับตาแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะมีขึ้นภายหลังการประชุมดังกล่าว เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมทั้งมุมมองของนายพาวเวลที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก
หุ้นไมแลน ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยา EpiPen ที่ใช้รักษาอาการแพ้ขั้นรุนแรง ปิดตลาดทะยานขึ้น 12.5% หลังจากไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ประกาศแยกธุรกิจ Upjohn ซึ่งเป็นธุรกิจยาหมดสิทธิบัตร เพื่อควบรวม Upjohn เข้ากับบริษัทไมแลน
ส่วนหุ้นไฟเซอร์ ปิดตลาดร่วงลง 3.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แม้ว่ากำไรจะสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก็ตาม
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับรายได้ของภาคธนาคาร หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 2.07% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลง 0.55% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.8% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.82% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวลง 0.3%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวลง 1.9% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 1.57% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 0.27% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวลง 0.9% หุ้น Nvidia ลดลง 0.14% อย่างไรก็ดี หุ้นแอปเปิ้ล ปิดตลาดดีดตัวขึ้น 0.93%
ส่วนหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดอ่อนแรงลงเป็นส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ นำโดยหุ้น TAL Education ร่วงลง 2.17% และหุ้น 58.com ปรับตัวลง 1.93%
นอกเหนือจากผลการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ได้เดินทางถึงนครเซี่ยงไฮ้ในวันนี้ เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่จีนในวันอังคารและวันพุธนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย., การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนมิ.ย., ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค., ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน