ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โจมตีรัฐบาลจีนที่ไม่ได้ซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนลดความคาดหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนเริ่มเจรจาการค้าในวันนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยข้อมูล หลังปิดตลาดวันนี้
ณ เวลา 21.24 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,153.84 จุด ลบ 67.51 จุด หรือ 0.25%
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ โจมตีรัฐบาลจีนที่ไม่ได้ซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐตามที่ได้ให้สัญญาไว้ และจีนตั้งใจถ่วงเวลาการเจรจาการค้า เพื่อรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า
"จีนควรซื้อสินค้าเกษตรของเราตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าพวกเขาจะทำสิ่งนี้ นี่เป็นปัญหาของจีน พวกเขาไม่ยอมทำตามสัญญา เจ้าหน้าที่ของผมกำลังเจรจากับพวกเขาในขณะนี้ แต่พวกเขามักเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในท้ายที่สุดเพื่อให้พวกเขาได้เปรียบ และพวกเขาคงกำลังรอผลการเลือกตั้งของเรา เพื่อดูว่านายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตจะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือไม่ ซึ่งถ้านายไบเดนชนะ จีนก็จะทำข้อตกลงเหมือนอย่างที่เคยทำมาในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยยังคงเอาเปรียบสหรัฐมากขึ้น และรุนแรงขึ้น แต่ถ้าผมชนะเลือกตั้งในปีหน้า จีนก็จะต้องเผชิญกับการทำข้อตกลงที่ยากลำบากกว่าที่พวกเขากำลังเจรจาในขณะนี้ หรืออาจจะไม่สามารถทำข้อตกลงได้ ตอนนี้เรามีไพ่อยู่ในมือแล้ว ซึ่งผู้นำสหรัฐก่อนหน้านี้ไม่เคยมี" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
การกล่าวโจมตีจีนของปธน.ทรัมป์มีขึ้น ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ เริ่มต้นเจรจาการค้าครั้งใหม่กับเจ้าหน้าที่จีนในวันนี้ และพรุ่งนี้ที่นครเซี่ยงไฮ้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ และพรุ่งนี้เช่นกัน โดยคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
ปธน.ทรัมป์กดดันเฟดให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ พร้อมกับยุติการปรับลดงบดุล โดยให้เฟดระงับการลดถือครองพันธบัตรในงบดุลมูลค่า 3.85 ล้านล้านดอลลาร์ของเฟด
"ผมอยากจะเห็นการลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ และผมอยากให้เฟดยุติการคุมเข้มเชิงปริมาณโดยทันที โดยเฟดได้ดำเนินการเร็วเกินไป และแรงเกินไป ทำให้ผมตกอยู่ในฐานะเสียเปรียบ" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาคิดว่าเฟดควรลดดอกเบี้ยให้เร็วกว่านี้ และเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะดีกว่านี้ หากเฟดไม่ได้เริ่มวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2558 ซึ่งเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 9 ครั้งจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ยังคงมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินของเฟด
"เป็นเรื่องโชคดี ที่ผมทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง จนไม่มีสิ่งใดจะมาหยุดยั้งเราได้" ปธน.ทรัมป์กล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยขณะนี้ บริษัทจำนวนมากกว่า 50% ของดัชนี S&P 500 ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว ราว 75% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด
ตลาดรอการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยข้อมูล หลังปิดตลาดวันนี้