ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) นำโดยตลาดหุ้นเยอรมนี เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากความกังวลด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนยังคงรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันพุธนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 1.47% ปิดที่ 385.11 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,511.07 จุด ลดลง 90.03 จุด หรือ -1.61% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,147.24 จุด ลดลง 270.23 จุด หรือ -2.18% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,646.77 จุด ลดลง 39.84 จุด หรือ -0.52%
ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงหนักที่สุด นำโดยหุ้นไบเออร์ ร่วง 3.66% และ หุ้นลุฟต์ฮันซ่า ดิ่งลง 6.02% หลังเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการในเชิงลบ
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ บริษัทวิจัย GfK เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีปรับตัวลงสู่ระดับ 9.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2560 จากระดับ 9.8 ในเดือนมิ.ย. โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
นักลงทุนกังวลกับความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ โจมตีรัฐบาลจีนที่ไม่ได้ซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐตามที่ได้ให้สัญญาไว้ และระบุว่า จีนตั้งใจถ่วงเวลาการเจรจาการค้า เพื่อรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า
การทวีตดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนลดความคาดหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนเริ่มเจรจาการค้าเมื่อวานนี้
นักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปที่การประชุมเฟดซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันพุธนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%
หุ้นเฟรสนิลโล และ หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดเต็ด แอร์ไลน์ กรุ๊ปของอังกฤษ ดิ่งลง 17.74% และ 5.43% ตามลำดับ
หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล และ หุ้นเปอโยต์ของฝรั่งเศส ร่วง 3.71% และ 3.40% ตามลำดับ