ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และจากข่าวการควบรวมกิจการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในภาคการเงิน ซึ่งช่วยหนุนตลาดขึ้น หลังจากลดลงในช่วงแรกจากความผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.50% ปิดที่ 387.68 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,557.41 จุด เพิ่มขึ้น 38.52 จุด หรือ +0.70% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,253.15 จุด เพิ่มขึ้น 64.11 จุด หรือ +0.53% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,584.87 จุด ลดลง 1.91 จุด หรือ -0.03%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในช่วงแรกตามตลาดหุ้นเอเชียและสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากที่ประกาศปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโคของอังกฤษ พุ่งขึ้น 6.89% หลังบริษัทเปิดเผยยอดขายช่วงครึ่งปีแรกสูงเกินคาด และคาดว่าจะมียอดขายที่แข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลัง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSE) ที่พุ่งขึ้น 6.52% หลังประกาศข้อตกลงควบกิจการอย่างเป็นทางการวงเงิน 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์กับบริษัทรีฟินิทิฟ (Refinitiv) ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินของยุโรปปรับตัวขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดจากธนาคารบาร์เคลยส์, สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และ โซซิเอเต้ เจเนอราล
หุ้นบวกในตลาดหุ้นเยอรมนีได้แก่ หุ้นไบเออร์ และหุ้นอินฟิเนียน ซึ่งปรับตัวขึ้น 2.55% และ 2.35% ตามลำดับ
หุ้นโซซิเอเต้ เจเนอราล และหุ้นเลอแกรนด์ ในตลาดหุ้นฝรั่งเศส บวก 5.38% และ 2.57% ตามลำดับ