ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่ค่าเงินปอนด์ทรุดตัวลงอย่างหนัก และหุ้นบริษัทเชลล์ร่วงลงหลังเปิดเผยผลกำไรลดลงเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,584.87 จุด ลดลง 1.91 จุด หรือ -0.03%
ตลาดหุ้นลอนดอนถูกกดดันจากการที่เงินปอนด์ทรุดลงอย่างหนัก โดยดิ่งลงหลุดระดับ 1.2100 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ขณะที่นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตือนตลาดการเงินเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการที่อังกฤษอาจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลง
ตลาดเผชิญแรงขายมากขึ้น ขณะที่หุ้นของบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 4.90% หลังรายงานผลกำไรร่วง 25% ในไตรมาส 2 เนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซลดลง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังปรับตัวลงตามตลาดหุ้นเอเชียและสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากที่ประกาศปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี
อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงไม่มากนัก โดยได้แรงหนุนจากการที่หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโคของอังกฤษ พุ่งขึ้น 6.89% หลังบริษัทเปิดเผยยอดขายช่วงครึ่งปีแรกสูงเกินคาด และคาดว่าจะมียอดขายที่แข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลัง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSE) ที่พุ่งขึ้น 6.52% หลังประกาศข้อตกลงควบกิจการอย่างเป็นทางการวงเงิน 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์กับบริษัทรีฟินิทิฟ (Refinitiv)