ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งกว่า 250 จุด กังวลเศรษฐกิจโลก,สงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 7, 2019 20:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 250 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ขณะที่การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ทำให้นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

นักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตร และทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 20.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 251 จุด หรือ 0.97% สู่ระดับ 25,673 จุด

นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงยืดเยื้อต่อไป และไม่มีแนวโน้มที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า

"ข่าวที่ออกมานับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีนเพิ่มขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ได้บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนต่างมีจุดยืนที่แข็งกร้าว และเราไม่คาดว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า" นายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุในรายงาน

"ก่อนหน้านี้เราคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์หวังบรรลุข้อตกลงเพื่อทำให้เขามีความได้เปรียบในการเลือกตั้งปีหน้า แต่ตอนนี้เราไม่คาดว่าเขามีมุมมองเช่นนี้" รายงานระบุ

โกลด์แมน แซคส์ยังระบุว่า การที่จีนสั่งระงับการซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ และตัดสินใจปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ ถือเป็นการตอบโต้ต่อคำขู่เรียกเก็บภาษีครั้งล่าสุดของปธน.ทรัมป์

โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า มีรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนมีท่าทีแข็งกร้าวในการเจรจา และหวังรอจนกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้นในปีหน้า ก่อนที่จะทำการคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า สิ่งนี้จึงทำให้สหรัฐและจีนไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าในเร็วๆนี้

ทั้งนี้ การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยปธน.ทรัมป์ขู่ว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี และรัฐบาลจีนยังได้สั่งให้บริษัทของรัฐระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ