ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้น ภายหลังจากที่จีนได้เปิดเผยยอดนำเข้าและส่งออกเดือนก.ค.ที่ขยายตัวขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นจะอนุญาตให้มีการส่งออกเคมีภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และจอแสดงผลไปยังเกาหลีใต้ นับเป็นครั้งแรกหลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังเกาหลีใต้เมื่อเดือนที่แล้ว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 20,636.72 จุด เพิ่มขึ้น 120.16 จุด, +0.59% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,170.41 จุด เพิ่มขึ้น 173.38 จุด, +0.67% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,613.66 จุด เพิ่มขึ้น 8.96 จุด, +0.56%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ยอดนำเข้าเดือนก.ค.ปรับตัวลง 5.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 9.0% ขณะที่ยอดส่งออกเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 3.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.0% โดยรายงานยอดนำเข้าและส่งออกดังกล่าวคำนวณในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ จีนได้กำหนดอัตราค่ากลางเงินหยวนในวันนี้ที่ระดับ 7.0039 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551
China Foreign Exchange Trading System (CFETS) ระบุว่า อัตราค่ากลางของสกุลเงินหยวนในวันนี้อยู่ที่ระดับ 7.0039 หยวนต่อดอลลาร์ ลดลง 0.43%
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 1.21 ล้านล้านเยน หรือ 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 60
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กระทรวงการคลังได้ระบุในรายงานเบื้องต้นว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าสินค้าที่ระดับ 7.593 แสนล้านเยน และยอดเกินดุลการค้าด้านการบริการอยู่ที่ระดับ 5.09 หมื่นล้านเยน ในเดือนมิ.ย.
ส่วนในช่วงครึ่งปีแรก ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งสิ้น 10.47 ล้านล้านเยน