ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เริ่มมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ การที่จีนได้กำหนดอัตราค่ากลางเงินหยวนในระดับสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดเมื่อวานนี้ ยังช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นด้วย เนื่องจากบริษัทหลายแห่งในกลุ่มนี้ได้เข้าไปลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,378.19 จุด พุ่งขึ้น 371.12 จุด หรือ +1.43% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดดที่ 2,938.09 จุด เพิ่มขึ้น 54.11 จุด หรือ +1.88% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,039.16 จุด เพิ่มขึ้น 176.33 จุด หรือ +2.24%
นักลงทุนขานรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐที่เริ่มมีเสถียรภาพ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวสู่ระดับ 1.753% เมื่อคืนนี้ หลังจากที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2559 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สืบเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ขณะเดียวกัน การที่จีนกำหนดอัตราค่ากลางเงินหยวนเมื่อวานนี้ที่ระดับ 7.0039 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้นั้น ยังช่วยให้นักลงทุนคลายจากความกังวลที่ว่า จีนอาจใช้ค่าเงินหยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลการค้าที่สดใสของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดนำเข้าเดือนก.ค.ปรับตัวลง 5.6% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 9.0% ขณะที่ยอดส่งออกเดือนก.ค.ดีดตัวขึ้น 3.3% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.0%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ทะยานขึ้น 16.20% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 2.1% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 2.6% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดีดตัวขึ้น 2.6% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 2.2% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นบรอดคอม ปรับตัวขึ้น 0.34%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.03% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 2.14%% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 2%
หุ้นไซแมนเทค ซึ่งเป็นผู้ให้บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทะยานขึ้น 12.3% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพรายใหญ่ของสหรัฐ มีความคืบหน้าในการเจรจาซื้อกิจการไซแมนเทค
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากเครดิต สวิสปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ขึ้นสู่ระดับ "outperform" จากระดับ "neutral" โดยคาดว่าการเปิดตัว Disney+ ซึ่งเป็นการให้บริการสตรีมมิ่งของบริษัท จะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด
หุ้น Lyft ผู้ให้บริการรถร่วมเดินทาง ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Uber ปิดตลาดพุ่งขึ้น 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ที่สูงเกินคาด และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2562
หุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ ดิ่งลง 8.6% หลังจากบริษัทชะลอการยื่นผลประกอบการประจำไตรมาส 1 และ 2 ต่อตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ เนื่องจากฝ่ายบริหารได้ตรวจพบความผิดปกติของกระแสเงินสด ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ประเภทอื่น และบริษัทได้เพิ่มกระบวนการควบคุมภายในเพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องมากขึ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 209,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 215,000 ราย ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งทรงตัวในเดือนมิ.ย. หลังจากรายงานเบื้องต้นในเดือนที่แล้วว่าเพิ่มขึ้น 0.2%
ส่วนในวันนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย