ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ รวมทั้งผลประกอบการที่สดใสของบริษัทวอลมาร์ท อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างซิสโก้ ซีสเต็มส์ ร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากยอดขายที่ตกต่ำในประเทศจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,579.39 จุด เพิ่มขึ้น 99.97 จุด หรือ +0.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,847.60 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด หรือ +0.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,766.62 จุด ลดลง 7.32 จุด หรือ -0.09%
ดัชนีดาวโจนส์ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพุ่งขึ้น 0.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายเสื้อผ้า และเฟอร์นิเจอร์ ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร พุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% ในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทวอลมาร์ท โดยกำไรในไตรมาส 2 ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1.27 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.22 ดอลลาร์/หุ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นวอลมาร์ทปิดตลาดพุ่งขึ้น 6.1% เมื่อคืนนี้
หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นเป๊ปซี่โค เพิ่มขึ้น 1.2% หุ้นโคคา-โคลา พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล เพิ่มขึ้น 1.4%
หุ้นเจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 2 ที่ระดับ 18 เซนต์/หุ้น ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขขาดทุนจะอยู่ที่ระดับ 31 เซนต์/หุ้น
อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากราคาหุ้นซิสโก้ ซีสเต็มส์ ดิ่งลงอย่างหนักถึง 8.6% อันเนื่องมาจากยอดขายที่ทรุดตัวลง 25% ในประเทศจีน นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ดิ่งลง 11.3% หลังจากทางบริษัทเผชิญข่าวฉาวเกี่ยวกับการปกปิดตัวเลขขาดทุนต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น โดยหุ้นยัมไชน่า โฮลดิ้งส์ ปรับตัวขึ้น 1.8% ขณะที่หุ้นอาลีบาบา พุ่งขึ้นเกือบ 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้พุ่งขึ้น 42% สู่ระดับ 1.149 แสนล้านหยวน (1.67 หมื่นล้านดอลลาร์) ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ของปีงบการเงินบริษัท
นักลงทุนจับตาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ระบุว่า จีนหวังว่าจะสามารถพบสหรัฐครึ่งทางในประเด็นการค้า และดำเนินการตามข้อตกลงที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายบรรลุในการประชุมที่นครโอซากา ขณะเดียวกันก็พยายามมองหาแนวทางที่ยอมรับได้ร่วมกัน ผ่านทางการหารือกันบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน และการเคารพซึ่งกันและกัน
แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศจีนถือเป็นการแสดงท่าทีที่อ่อนข้อลงของจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังของจีนแถลงว่า จีนจะใช้มาตรการตอบโต้ที่จำเป็นต่อการที่สหรัฐประกาศว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 10% วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.