ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทาง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,886.01 จุด พุ่งขึ้น 306.62 จุด หรือ +1.20% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,888.68 จุด เพิ่มขึ้น 41.08 จุด หรือ +1.44% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,895.99 จุด เพิ่มขึ้น 129.38 จุด หรือ +1.67%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P 500 ปิดบวก โดยกลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาด เพิ่มขึ้น 1.9%
หุ้นทั้ง 30 ตัวในดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งบวกขึ้น 2.40%
หุ้น Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.25% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเกินคาด เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับชิปด้านกราฟฟิคโดยเฉพาะที่ใช้กับวิดีโอเกม
ตลาดได้แรงหนุนหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทั้งอายุ 10 ปีและ 30 ปีปรับตัวขึ้น หลังจากร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.56% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.49%
นอกจากนี้ นักลงทุนได้ปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทาง ขณะที่รายงานการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งในเดือนก.ค.เป็นแรงหนุนตลาด
สำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยยอดค้าปลีกและบริการด้านอาหารเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 5.235 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.
ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้นในหลายธุรกิจในเดือนที่ผ่านมา รวมถึงการค้าปลีกออนไลน์ ร้านขายของชำ รวมถึงร้านขายเสื้อผ้า, สินค้าอิเล็กทรอนิก และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ส่วนผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงแตะระดับ 92.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยลดลงจากระดับ 98.4 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 97.2