ดัชนีดาวโจนส์ทะยานกว่า 300 จุดในวันนี้ ต่อเนื่องจากวันศุกร์ หลังสหรัฐขยายระยะเวลาในการอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีของจีน สามารถซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐได้อีก 90 วัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ณ เวลา 20.31 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,214.46 จุด บวก 328.45 จุด หรือ 1.27% หลังปิดตลาดทะยานขึ้นกว่า 300 จุดในวันศุกร์เช่นกัน
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารต่างพากันดีดตัว สอดคล้องกับการฟื้นตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐไม่ได้เกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีดีดตัวเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน หลุดระดับ 2% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
นักลงทุนพากันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นในวันนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนและเยอรมนีจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวยืนยันในวันนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐจะขยายระยะเวลาในการอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีของจีน สามารถซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐได้อีก 90 วัน เพื่อให้หัวเว่ยสามารถให้บริการต่อลูกค้าที่มีอยู่ในขณะนี้
นายรอสส์กล่าวว่า ใบอนุญาตชั่วคราวดังกล่าวจะมีอายุ 90 วัน ขณะที่ใบอนุญาตเดิมจะหมดอายุลงในวันนี้
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอนุญาตให้หัวเว่ยซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐในเดือนพ.ค. หลังจากที่ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัท เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อลูกค้าของบริษัท
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ด้วยการกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย และข้อพิพาททางการค้ากับจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ด้านนายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว แสดงความคิดเห็นในทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐไม่มีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอยเช่นเดียวกัน ส่วนในเรื่องการเจรจาการค้ากับจีนนั้น ตัวแทนการค้าจากทั้งสองประเทศจะมีการหารือในอีก 10 วันข้างหน้า และหากการเจรจาดังกล่าวเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว เขาก็จะเชิญเจ้าหน้าที่จีนมาที่สหรัฐเพื่อเจรจาอีกครั้งเพื่อหาข้อสรุป
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า จีนหวังว่าจะสามารถพบสหรัฐครึ่งทางในประเด็นการค้า
"เราหวังว่าสหรัฐจะพบกับจีนครึ่งทาง และดำเนินการตามข้อตกลงที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายบรรลุในการประชุมที่นครโอซากา ขณะที่มองหาแนวทางที่ยอมรับได้ร่วมกัน ผ่านทางการหารือกันบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน และการเคารพซึ่งกันและกัน" นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตัดสินใจชะลอการขึ้นภาษีสินค้าจีนบางส่วนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 1 ก.ย. เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของชาวสหรัฐในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ขู่ว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.
นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮลในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด อาจส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.