ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวจีนและเยอรมนีออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวสหรัฐขยายเวลาในการอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีของจีน สามารถซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐได้อีก 90 วัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,135.79 จุด พุ่งขึ้น 249.78 จุด หรือ +0.96% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,923.65 จุด เพิ่มขึ้น 34.97 จุด หรือ +1.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,002.81 จุด เพิ่มขึ้น 106.82 จุด หรือ +1.35%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศใช้แผนการปรับปรุงและปฏิรูปกลไกในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ loan prime rate (LPR) เพื่อทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทเอกชนปรับตัวลดลงและจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งข่าวที่ว่า รัฐบาลเยอรมนีมีแผนที่จะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 5 หมื่นล้านยูโร
ขณะเดียวกัน การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.527% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.615% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.105%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐขยายระยะเวลาในการอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี สามารถซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐได้อีก 90 วัน เพื่อให้หัวเว่ยสามารถให้บริการต่อลูกค้าที่มีอยู่ในขณะนี้ ขณะที่ใบอนุญาตเดิมได้หมดอายุลงเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ ข่าวการขยายเวลาการทำธุรกิจให้กับหัวเว่ยได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทที่เข้าไปลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ทะยานขึ้น 3.3% หุ้นบรอดคอม ดีดตัวขึ้น 1.8% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3.3% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 7.03% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 1.8% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ พุ่งขึ้น 2.17% หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 1.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า ข่าวกลุ่มกบฎเยเมนได้โจมตีบ่อน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 15.11% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.4%
หุ้นเอสเต้ ลอเดอร์ ทะยานขึ้น 12.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 ที่ดีเกินคาด และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2562 โดยได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในตลาดเอเชียแปซิฟิก
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 1.08% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.4%
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ นำโดยหุ้นไป่ตู้ พุ่งขึ้น 7.8% หุ้น Ctrip.com International พุ่งขึ้น 5.2%
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 23 ส.ค. เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะใช้เวทีการประชุมดังกล่าว เพื่อส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.