ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,962.44 จุด ลดลง 173.35 จุด หรือ -0.66% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,900.51 จุด ลดลง 23.14 จุด หรือ -0.79% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,948.56 จุด ลดลง 54.25 จุด หรือ -0.68%
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ สืบเนื่องมาจากการขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและเยอรมนี รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เริ่มมีเสถียรภาพในช่วงเวลาดังกล่าว
นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล ในรัฐนิวเจอร์ซี กล่าวว่า รายงานข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวกำลังหารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับลดอัตราภาษีเงินเดือน เพื่อความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ประกอบกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และยังสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่คณะทำงานของปธน.ทรัมป์มีต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.1% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.16% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 1.26% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ลดลง 1.27% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 1.37% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.02%
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.4% หลังจากวอลท์ดิสนีย์เปิดตัวการบริการสตรีมมิ่งของตนเอง โดยจะเปิดให้บริการในประเทศแคนาดาและเนเธอร์แลนด์ ในเดือนพ.ย.นี้
หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.3% ท่ามกลางข่าวการฟ้องร้องจากกลุ่มผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก โดยรายงานระบุว่า กลุ่มผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในสหรัฐได้ยื่นคำร้องต่อศาลนครซานฟรานซิสโกให้ดำเนินคดีกับเฟซบุ๊ก ฐานไม่แจ้งเตือนผู้ใช้ถึงความเสี่ยงของฟีเจอร์การลงชื่อเข้าใช้งานเพียงครั้งเดียวในทุกอุปกรณ์ ทั้งที่รับรู้ถึงช่องโหว่ของฟีเจอร์ดังกล่าวมาตลอด
หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 6.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ที่ระดับ 4.17 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.20 พันล้านดอลลาร์ และยอดขายร่วงลง 2.9% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.5%
หุ้นโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 3.17 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.08 ดอลลาร์/หุ้น
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 23 ส.ค. เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า นายพาวเวลจะใช้เวทีการประชุมดังกล่าว เพื่อส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่านายพาวเวลจะส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.