ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐและจีนจะเริ่มเจรจาการค้ารอบใหม่ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบเกือบ 1 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,898.83 จุด พุ่งขึ้น 269.93 จุด หรือ +1.05% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,878.38 จุด เพิ่มขึ้น 31.27 จุด หรือ +1.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,853.74 จุด เพิ่มขึ้น 101.97 จุด หรือ +1.32%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวที่ฝรั่งเศสเมื่อวานนี้ สหรัฐจะเริ่มเจรจาการค้ากับจีนอย่างจริงจัง พร้อมกับระบุด้วยว่า จีนได้ติดต่อทางโทรศัพท์มายังสหรัฐและเสนอให้กลับมาเจรจาร่วมกัน
ปธน.ทรัมป์ยังได้กล่าวชื่นชมประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และขานรับในความปรารถนาของผู้นำจีนที่ต้องการทำข้อตกลงและความสงบ นอกจากนี้ ปธน.สหรัฐยังเห็นพ้องกับแสดงความเห็นทางการค้าของนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนซึ่งระบุว่า จีนพร้อมที่จะแก้ไขข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐ ผ่านทางการเจรจาอย่างสงบ และจีนไม่ต้องการเพิ่มความขัดแย้งทางการค้า
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตชิพพุ่งขึ้นขานรับสัญญาณบวกของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของบริษัทที่มีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ เพิ่มขึ้น 1.05% หุ้นบรอดคอม พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 1.09% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ เพิ่มขึ้น 1.2% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.1%
หุ้นวอลท์ดิสนีย์ พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทประกาศแผนเปิดร้าน 25 แห่งภายในห้างทาร์เก็ตที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาในเดือนต.ค.นี้
หุ้นเซลจีน ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจสุขภาพ พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทแอมเจน อิงค์ ประกาศว่าจะซื้อธุรกิจยา Otezla ซึ่งเป็นยารักษาโรคสะเก็ดเงินของบริษัทเซลจีน ขณะที่ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ พุ่งขึ้น 2.28%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 2.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวลง 0.4% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ทรงตัวในเดือนมิ.ย. โดยดัชนี CFNAI เป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจำนวน 85 รายการ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ราคาบ้านเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จาก Conference Board, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2562 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน