ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนได้รับปัจจัยสนับสนุนเกี่ยวกับสถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ขณะที่นายทาโร่ อาโสะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า เขากำลังจับตาความเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน โดยมองว่าเป็นสถานการณ์เร่งด่วน หลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างมากในระยะนี้
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับระดับของเงินเยนอย่างเจาะจง
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 25,707.14 จุด เพิ่มขึ้น 26.81 จุด, +0.10% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 20,509.33 จุด เพิ่มขึ้น 248.29 จุด, +1.23% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,596.75 จุด ลดลง 3.78 จุด, -0.24%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขานรับการแสดงความเห็นทางการค้าของนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เมื่อวานนี้ ซึ่งระบุว่า จีนพร้อมที่จะแก้ไขข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐ ผ่านทางการเจรจาอย่างสงบ และจีนไม่ต้องการเพิ่มความขัดแย้งทางการค้า
นอกจากนี้ นายหลิวยังระบุว่า "เราเชื่อว่าการทำสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นจะไม่เป็นผลดีต่อจีน สหรัฐ และไม่เป็นผลดีต่อชาวโลก"
ส่วนสถานการณ์ของเกาหลีใต้ท่ามกลางการคุมเข้มสินค้าจากทางญี่ปุ่นนั้น ล่าสุด คณะกรรมมาธิการบริการการเงิน (FSC) ของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า FSC จะเพิ่มการสนับสนุนด้านการเงินแก่บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการส่งออกของญี่ปุ่น
นายชเว จอง-คู ประธาน FSC กล่าวแถลงการณ์ในระหว่างการประชุมกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ซึ่งมีขึ้น 1 วัน ก่อนที่ข้อเสนอการถอดถอนเกาหลีใต้จากบัญชีรายชื่อประเทศที่ญี่ปุ่นให้สิทธิพิเศษในการส่งออกจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนได้เรียกร้องให้สถาบันการเงินรายใหญ่เร่งปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่ภายใต้กลไกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ Loan prime rate (LPR) ซึ่งเป็นกลไกที่มีเป้าหมายที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง
นายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนได้สั่งการให้สถาบันการเงินรายใหญ่ 24 แห่งเร่งใช้กลไกอัตราดอกเบี้ย LPR ในการปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่โดยเร็วที่สุด ขณะที่จีนกำลังดำเนินการปฏิรูปเพื่อลดต้นทุนด้านการระดมเงินทุนสำหรับบริษัทเอกชน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมของจีน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี
ขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ ร่วงลงแตะระดับ 92.5 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2560 จากระดับ 95.9 ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทการค้าระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และการร่วงลงของยอดส่งออกได้สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ