ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความเห็นครั้งใหม่ของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ขณะที่หุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวขึ้น หลังค่าเงินปอนด์ร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แบบไร้ข้อตกลง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,184.32 จุด เพิ่มขึ้น 69.61 จุด หรือ +0.98%
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่า จีนและสหรัฐกำลังหารือกันเกี่ยวกับการจัดการเจรจาการค้าในเดือนก.ย. โดยนายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า จีนและสหรัฐควรสร้างภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อความคืบหน้าในการเจรจา โดยจีนจะสกัดกั้นไม่ให้สงครามการค้ากับสหรัฐทวีความรุนแรงมากขึ้น และยินดีที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าอย่างสงบ
หุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตัดสินใจที่จะปิดสมัยประชุมสภาตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.ไปจนถึงวันที่ 14 ต.ค.
การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้มีการปิดรัฐสภาอังกฤษตั้งแต่กลางเดือนก.ย.เป็นเวลาราว 1 เดือน ซึ่งจะทำให้รัฐสภามีเวลาน้อยลงในการออกกฎหมายเพื่อสกัดความพยายามของนายจอห์นสันในการผลักดันกระบวนการ Brexit แบบไร้ข้อตกลงในวันที่ 31 ต.ค.
หุ้นเอชเอสบีซี บวก 1.67%, หุ้นแอสตราเซเนกา เพิ่มขึ้น 1.36%, หุ้นสมิธส์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5.13% และ หุ้นโอคาโด กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.36%