ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในวันนี้ ก่อนที่จะหยุดยาวช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ
ณ เวลา 21.21 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,457.75 จุด บวก 95.50 จุด หรือ 0.36%
ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้นกว่า 3% หลังจากที่จีนประกาศยกเว้นการเรียกเก็บภาษีซื้อรถยนต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา
กระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศของจีนออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางกระทรวงได้ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาในรุ่น Model 3 Model S และ Model X
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในระดับต่างๆกันได้จัดการเจรจาการค้าเมื่อวานนี้ ขณะที่การเจรจาจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ของจีน เปิดเผยว่า จีนและสหรัฐกำลังหารือกันเกี่ยวกับการจัดการเจรจาการค้าในเดือนก.ย.
นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายควรสร้างภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อความคืบหน้าในการเจรจา โดยจีนจะสกัดกั้นไม่ให้สงครามการค้ากับสหรัฐทวีความรุนแรงมากขึ้น และยินดีที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าอย่างสงบ
คำกล่าวของนายเกามีขึ้น ขณะที่ใกล้ถึงวันอาทิตย์นี้ (1 ก.ย.) ที่ทั้งสองฝ่ายมีกำหนดขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.
การดีดตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายในภาคบริการ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ดีดตัวขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนมิ.ย.
ดัชนี PCE ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน และภาคบริการ แม้ว่าราคาอาหารปรับตัวลง
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานแตะระดับ 1.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% เช่นกันในเดือนมิ.ย.
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 89.8 ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 92.1 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 97.0 จากระดับ 98.4 ในเดือนก.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2555 โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ก่อนหน้านี้ ดัชนีความเชื่อมั่นพุ่งแตะระดับ 102.4 ในช่วงต้นเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี แต่เป็นการสำรวจก่อนที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในเดือนดังกล่าว
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล
แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ระบุในรายงานว่า เครื่องมือวิเคราะห์ของทางบริษัทได้บ่งชี้ "สัญญาณซื้อ" สินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึง หุ้น เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปีนี้
รายงานระบุว่า ดัชนีชี้วัดภาวะกระทิงและหมีของแบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ได้ดิ่งลงสู่ระดับ 1.3 จากระดับ 2.4 และทำให้เกิด"สัญญาณซื้อ"สำหรับสินทรัพย์เสี่ยง เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขดัชนีที่อยู่ต่ำกับ 2 บ่งชี้ว่าตลาดตกอยู่ในภาวะหมีอย่างหนัก และทำให้เกิดสัญญาณซื้อ
แบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยว่า การที่ตลาดทรุดตัวลงในสัปดาห์นี้ เกิดจากกระแสเงินทุนที่ไหลออกจากตราสารหนี้และหลักทรัพย์ของตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งการทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาดพันธบัตร
แบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า ข้อมูลจาก EPFR แสดงให้เห็นว่า มีกระแสเงินทุน 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่กองทุนพันธบัตร และ 1.9 พันล้านดอลลาร์เข้าสู่กองทุนทองในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ส.ค. ขณะที่เงินทุน 7.6 พันล้านดอลลาร์ไหลออกจากกองทุนหุ้น ซึ่งทำให้มีเม็ดเงินราว 2.04 แสนล้านดอลลาร์ไหลออกจากกองทุนหุ้นนับตั้งแต่ต้นปีนี้