ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มส่งออกได้แรงหนุนจากการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 85 เดือน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของอังกฤษ นอกเหนือไปจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการที่อังกฤษอาจจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แบบไร้ข้อตกลง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,281.94 จุด เพิ่มขึ้น 74.76 จุด, +1.04%
หุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร อยู่ที่ระดับ 47.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 85 เดือน ลดลงจากระดับ 48.0 ในเดือนก.ค. และ ดัชนี PMI ที่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรยังคงอยู่ในภาวะหดตัว โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการหดตัวลงต่อเนื่องของยอดงานใหม่
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ Brexit โดยล่าสุดนายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ ยืนยันว่า พรรคแรงงานจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในการนำอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง
หุ้นแอสตราเซเนกา พุ่ง 2.94%, หุ้นแกล็คโซ่สมิธไคลน์ บวก 1.47%, หุ้นดิอาจิโอ บวก 2.50% และ หุ้นยูนิลีเวอร์ ปรับตัวขึ้น 1.44%