ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 285.26 จุด วิตกสงครามการค้า,ภาคการผลิตสหรัฐหดตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 4, 2019 06:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) หลังจากผลสำรวจบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ การที่มาตรการตอบโต้ทางภาษีของสหรัฐและจีนเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยังได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งในสองภาคส่วนนี้มีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,118.02 จุด ร่วงลง 285.26 จุด หรือ -1.08% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,906.27 จุด ลดลง 20.19 จุด หรือ -0.69% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,874.16 จุด ลดลง 88.72 จุด หรือ -1.11%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 49.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559 จากระดับ 51.2 ในเดือนก.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงในเดือนส.ค.

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐและจีนเริ่มบังคับใช้มาตรการตอบโต้ด้านภาษีศุลกากรเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยสหรัฐได้เริ่มเก็บภาษี 15% จากสินค้าจีนมูลค่าประมาณ 1.25 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนเริ่มเก็บภาษี 5% จากการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรายงานล่าสุดระบุว่า สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ รวมทั้งสมาชิก 21 รายที่แปรพักตร์จากพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ประสบความสำเร็จในการลงมติด้วยคะแนนเสียง 328 ต่อ 301 เสียง ในการเข้าควบคุมกระบวนการนิติบัญญัติของรัฐสภา โดยความพ่ายแพ้ของพรรครัฐบาลในครั้งนี้ จะทำให้ฝ่ายค้านสามารถสกัดความพยายามของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ในการนำอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปในวันที่ 31 ต.ค. โดยไม่มีการทำข้อตกลง

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า โดยหุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 2.6% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 1.6% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลง 1% หุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 2.7%% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ร่วงลง 2%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพร่วงลงเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.4% หุ้นอินเทล ลดลง 0.9% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ลดลง 0.6% หุ้นบรอดคอม ร่วงลง 3.04% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ลดลง 0.6% หุ้น Nvidia ร่วงลง 2% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.3% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 1.7% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ ร่วงลง 1.5% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 1.7%

หุ้นกลุ่มธุรกิจกาสิโนร่วงลง โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยหุ้นลาสเวกัส แซนด์ส คอร์ป หุ้นวินน์ รีสอร์ท และหุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท อินเตอร์เนชันแนล ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 2%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.7% ในเดือนมิ.ย. ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.

ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 จากระดับ 50.4 ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดุลการค้าเดือนก.ค., ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนส.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ