ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐสภาอังกฤษประสบความสำเร็จในการอนุมัติร่างกฎหมายป้องกันการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง หรือ "no-deal Brexit" และนักลงทุนยังคลายวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในฮ่องกงด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,311.26 จุด เพิ่มขึ้น 43.07 จุด หรือ +0.59%
ตลาดได้แรงหนุน เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองในอังกฤษและฮ่องกง โดยสถานการณ์การเมืองของอังกฤษล่าสุดนั้น สภาสามัญชนของอังกฤษให้การอนุมัติร่างกฎหมายป้องกันการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง หรือ "no-deal Brexit" ด้วยคะแนนเสียง 327 ต่อ 299 เสียงในวันนี้ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการกดดันให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ร้องขอต่อสหภาพยุโรป (EU) เพื่อขยายกำหนดเส้นตายในการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU ไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. 2563 จากเดิมวันที่ 31 ต.ค.นี้ หากนายจอห์นสันไม่สามารถยื่นข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 31 ต.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้ประกาศถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวได้จุดชนวนทำให้ชาวฮ่องกงจำนวนมากแสดงความไม่พอใจ และออกมาชุมนุมประท้วงตามท้องถนนเป็นเวลาหลายเดือน เนื่องจากมองว่าร่างกฎหมายนี้จะเปิดทางให้มีการส่งตัวผู้กระทำผิดกฎหมาย หรือผู้ที่รัฐบาลจีนมองว่าเป็นศัตรูทางการเมืองไปยังจีน
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้นราว 4% ขานรับการถอนร่างกฎหมายดังกล่าว ขณะที่ตลาดหุ้นหลายแห่งต่างปรับตัวขึ้นเช่นกัน หลังจากที่เกิดความวิตกก่อนหน้านี้ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในฮ่องกงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และจะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
หุ้นกลุ่มธนาคารที่ทำธุรกิจในเอเชีย ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นพรูเดนเชียล บวก 1.28% , หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เพิ่มขึ้น 2.98% และ หุ้นเอชเอสบีซี ปรับตัวขึ้น 1.75%