ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงิน และตลาดขานรับรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังเตรียมที่จะทำข้อตกลงการค้าฉบับชั่วคราวกับจีน
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.20% ปิดที่ 390.48 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,642.86 จุด เพิ่มขึ้น 24.80 จุด หรือ +0.44%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,410.25 จุด เพิ่มขึ้น 51.18 จุด หรือ +0.41% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,344.67 จุด เพิ่มขึ้น 6.64 จุด หรือ +0.09%
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.50% จากเดิมที่ระดับ -0.40% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ขณะเดียวกัน ECB แถลงว่า จะรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนพ.ย. ซึ่ง ECB จะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยยังไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดโครงการ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาทำข้อตกลงการค้าฉบับชั่วคราวกับจีน ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้คลี่คลายลง หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ประกาศเลื่อนการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ จากวันที่ 1 ต.ค. ไปเป็นวันที่ 15 ต.ค. และรัฐบาลจีนได้ประกาศรายชื่อสินค้าจำนวน 16 รายการของสหรัฐที่จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 ก.ย. เป็นเวลา 1 ปีจนถึงวันที่ 16 ก.ย. 2563
หุ้นบวกในตลาดหุ้นฝรั่งเศสนำโดย หุ้นเปอโยต์ บวก 2.02% และหุ้นซาฟราน ปรับตัวขึ้น 1.97%, หุ้นบวกในตลาดหุ้นเยอรมนีนำโดยหุ้นเมิร์ค เพิ่มขึ้น 2.40% และหุ้นอาดิดาส ปรับตัวขึ้น 1.98% และหุ้นบวกในตลาดหุ้นอังกฤษนำโดยหุ้น ดับบลิวเอ็ม มอร์ริสัน พุ่งขึ้น 4.69% และหุ้นเฟรสนิลโล บวก 2.77%