ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มธนาคาร, กลุ่มเหมืองแร่ และ กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.34% ปิดที่ 391.79 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,655.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด หรือ +0.22%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,468.53 จุด เพิ่มขึ้น 58.28 จุด หรือ +0.47% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,367.46 จุด เพิ่มขึ้น 22.79 จุด หรือ +0.31%
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ อาจจะพิจารณาการทำข้อตกลงการค้าฉบับชั่วคราวกับจีนก่อนการเจรจาระดับสูงในเดือนต.ค.
หุ้นลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป (LSEG) ของอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งขึ้น 3.6% หลังปฏิเสธข้อเสนอของฮ่องกง เอ็กซ์เชนจ์ แอนด์ เคลียริ่ง ลิมิเต็ด (HKEX) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหุ้นฮ่องกงในการซื้อกิจการตลาดหุ้นลอนดอน โดย LSEG ปฏิเสธข้อเสนอของ HKEX และเลือกที่จะเดินหน้าข้อตกลงซื้อกิจการบริษัท Refinitiv ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินของสหรัฐ วงเงิน 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อไป
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ของเยอรมนี บวก 2% หลังบริษัท GIC ของสิงคโปร์ได้เพิ่มการถือหุ้นในธิสเซ่นครุปป์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นเกล็นคอร์ บวก 3.18% และหุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 2.73%
สำหรับหุ้นบวกในตลาดหุ้นฝรั่งเศสนำโดยหุ้นเปอโยต์ ปรับตัวขึ้น 2.02% และหุ้นซาฟราน เพิ่มขึ้น 1.97%, หุ้นบวกในตลาดหุ้นเยอรมนีนำโดยหุ้นไฮเดลเบิร์กซีเมนต์ พุ่งขึ้น 3.26% และหุ้นดอยซ์ แบงก์ พุ่งขึ้น 3.19% และ หุ้นบวกในตลาดหุ้นอังกฤษนำโดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5.51% และหุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 5.33%