ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนได้พากันเข้าซื้อหุ้นที่พึ่งพาอุปสงค์ในประเทศ หลังจากมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า อังกฤษจะสามารถหลีกเลี่ยงการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (no-deal Brexit) แต่เงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นกดดันหุ้นกลุ่มส่งออก
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,367.46 จุด เพิ่มขึ้น 22.79 จุด หรือ +0.31%
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับ no-deal Brexit หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์รายงานว่า พรรคสหภาพประชาธิปไตยแห่งไอร์แลนด์เหนือ (DUP) ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอังกฤษ ได้ผ่อนคลายท่าทีที่แข็งกร้าวในการคัดค้านนโยบาย backstop
ที่ผ่านมา พรรค DUP มีแนวคิดต่อต้านนโยบาย backstop ซึ่งเป็นนโยบายในการรับประกันว่า จะไม่มีการกลับไปใช้มาตรการควบคุมชายแดนอย่างเข้มงวดระหว่างไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร กับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นรัฐสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU)
ด้านนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะเดินทางไปยังลักเซมเบิร์กเพื่อหารือกับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เกี่ยวกับประเด็น Brexit ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ EU ในวันที่ 17-18 ต.ค.
โฆษกของรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่า การประชุมดังกล่าวถือเป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลอังกฤษที่จะทำข้อตกลง Brexit ก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 ต.ค.นี้
หุ้นบาร์แรตต์ ซึ่งเป็นบริษัทสร้างบ้านพุ่งขึ้น 5.64% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นลอยด์ส พุ่งขึ้น 5.18%, หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5.51% และ หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 5.33%