ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันของซาอุดีอาระเบียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และนักลงทุนยังกังวลกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นจากเหตุโจมตีดังกล่าว
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,321.41 จุด ลดลง 46.05 จุด หรือ -0.63%
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โรงงานน้ำมันสองแห่งในเขตอับกาอิก (Abqaiq) และคูราอิส (Khurais) ถูกโจมตีด้วยโดรนจนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงลุกไหม้ โดยโรงงานทั้งสองแห่งเป็นของบริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย
การโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันดังกล่าวกระทบอุปทานน้ำมันราว 5% ของตลาดโลก และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นระหว่างวันมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 2534
หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง หลังราคาน้ำมันเชื้อเพลิงพุ่งขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินที่ทำธุรกิจในเอเชีย และกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวลงด้วยหลังเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงในเดือนส.ค. โดยการขยายตัวของภาคการผลิตอ่อนแอที่สุดในรอบ 17 ปีครึ่ง
หุ้นอีซี่ เจ็ต ลบ 2.04%, หุ้นเอชเอสบีซี ลบ 1.92%, หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลดลง 1.51%, หุ้นเกล็นคอร์ ลบ 1.95% และ หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 2.48%