ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ โดยหุ้นไมโครซอฟท์ และกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวนำตลาด ขณะที่นักลงทุนย่อยข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยวานนี้
ณ เวลา 21.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,258.15 จุด บวก 111.07 จุด หรือ 0.41%
ราคาหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้นมากกว่า 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าจะทำการซื้อหุ้นคืนจำนวน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะเพิ่มการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสอีก 5 เซนต์ สู่ระดับ 51 เซนต์/หุ้น
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติ 7-3 เสียงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวภายหลังการประชุมว่า เฟดจะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง หากมีความจำเป็น อย่างไรก็ดี เขายังไม่เห็นว่าสิ่งนี้มีความจำเป็นในขณะนี้
การประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในการประชุมรอบที่แล้วในวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2551
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในระดับรัฐมนตรีช่วยที่กรุงวอชิงตันในวันนี้ เพื่อปูทางการประชุมระดับรัฐมนตรีในเดือนหน้า
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 208,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 213,000 ราย
ตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 750 ราย สู่ระดับ 212,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐลดลง 5.9% สู่ระดับ 1.282 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 จากระดับ 1.362 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะอยู่ที่ระดับ 1.278 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2
ทางด้านเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ลดลงสู่ระดับ 12.0 ในเดือนก.ย. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.0 หลังจากแตะระดับ 16.8 ในเดือนส.ค.
การร่วงลงของดัชนีภาวะธุรกิจได้รับผลกระทบจากการลดลงของคำสั่งซื้อใหม่ แม้ว่าการจ้างงานปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของภาคธุรกิจ
Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ทรงตัวในเดือนส.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 112.1 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค.
Conference Board ระบุว่า ดัชนี LEI ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนี LEI ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึง คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต, ราคาหุ้น และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 1.3% สู่ระดับ 5.49 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านจะลดลงสู่ระดับ 5.37 ล้านยูนิต จากระดับ 5.42 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.
ยอดขายบ้านได้รับแรงหนุนจากการที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2