ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 20.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,139.14 จุด บวก 44.35 จุด หรือ 0.16%
ขณะนี้ดัชนีดาวโจนส์อยู่ห่างเพียง 1.1% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีช่วยของสหรัฐและจีนจะทำการเจรจาการค้าที่กรุงวอชิงตันในวันนี้ หลังการเจรจารอบแรกวานนี้ เพื่อปูทางไปสู่การประชุมระดับรัฐมนตรีในเดือนหน้า
หลังเสร็จสิ้นการเจรจาการค้าในสัปดาห์นี้ กลุ่มเจ้าหน้าที่จีนดังกล่าว ซึ่งนำโดยรัฐมนตรีช่วยเกษตรของจีน จะเดินทางไปยังเมืองบอสแมน รัฐมอนทานา และเมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกา เพื่อพบปะกับเกษตรกรสหรัฐที่ได้รับความเดือดร้อนจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
คาดว่าการพบปะดังกล่าวระหว่างเกษตรกรสหรัฐและตัวแทนเจรจาการค้าของจีนจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งอาจช่วยให้จีนเปิดตลาดรับสินค้าเกษตรของสหรัฐอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ประกาศระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐก่อนหน้านี้
"เป็นเรื่องที่ดีที่มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และเราตั้งตารอการเดินทางมาของเจ้าหน้าที่จีน โดยเราได้รับความยากลำบากจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการสูญเสียตลาดส่งออกขนาดใหญ่ นับตั้งแต่ที่สหรัฐขึ้นภาษีสินค้าจีน และถูกจีนขึ้นภาษีตอบโต้ในปีที่แล้ว" นางมิเชล อิริกสัน-โจนส์ ซึ่งเป็นเกษตรกรรายหนึ่งในรัฐมอนทานา กล่าว
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพียง 0.25% ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเขาไม่คิดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวมากเพียงพอ
"ในมุมมองของผม การปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 1.50%-1.75% น่าจะเป็นการดำเนินการที่เหมาะสมกว่า" นายบูลลาร์ดระบุ
ทั้งนี้ FOMC มีมติ 7-3 เสียงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมเมื่อวันพุธ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน และนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมดังกล่าว ขณะที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ สนับสนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%
การที่มีกรรมการเฟดถึง 3 รายลงมติต่างจากเสียงส่วนใหญ่ในการประชุมครั้งนี้ บ่งชี้ถึงความแตกแยกระหว่างกรรมการเฟดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557
ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวภายหลังการประชุมว่า เฟดจะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง หากมีความจำเป็น อย่างไรก็ดี เขายังไม่เห็นว่าสิ่งนี้มีความจำเป็นในขณะนี้
การประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในการประชุมรอบที่แล้วในวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2551