ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ส่อเค้าล้มเหลว หลังจากที่เจ้าหน้าที่จีนเดินทางกลับประเทศก่อนกำหนด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,935.07 จุด ลดลง 159.72 จุด หรือ -0.59%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,992.07 จุด ลดลง 14.72 จุด หรือ -0.49% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,117.67 จุด ลดลง 65.21 จุด หรือ -0.80%
ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจประสบความล้มเหลว หลังจากสื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนได้ยกเลิกการเดินทางไปเยือนฟาร์มในรัฐมอนทานา ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า สหรัฐและจีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาที่มีขึ้นในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังระบุว่า ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า
ตลาดยังถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนได้ซึมซับปัจจัยบวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาดไว้แล้ว และผิดหวังที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เฟดลงมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ท่ามกลางความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เกิดจากความตึงเครียดด้านการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในกลุ่ม FAANG อาทิ เฟซบุ๊ก, แอปเปิล, อเมซอน, เน็ตฟลิกซ์ และ อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปิดตลาดลดลง
หุ้นเฟซบุ๊ก ลบ 0.11%, หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.46%, หุ้นอเมซอน ปรับตัวลง 1.50%, หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วง 5.53% และ หุ้นอัลฟาเบท ติดลบ 0.72%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.12% ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลธ์ แคร์ ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยปิดบวก 0.6%