ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 70.87 จุด เหตุนลท.วิตกข่าวสหรัฐเล็งจำกัดการลงทุนในจีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday September 28, 2019 06:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากข่าวที่ว่า สหรัฐเตรียมจำกัดการลงทุนในจีน และปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางของสหรัฐ และผลกระทบทางการเมืองจากการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,820.25 จุด ลดลง 70.87 จุด หรือ -0.26%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,961.79 จุด ลดลง 15.83 จุด หรือ -0.53% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,939.63 จุด ลดลง 91.03 จุด หรือ -1.13%

ตลาดดีดตัวขึ้นในช่วงแรก เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าจะมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในเดือนหน้า โดยแหล่งข่าวระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีขึ้นในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน

แต่ตลาดถูกกดดันในเวลาต่อมาและปรับตัวลงจนกระทั่งปิดตลาด หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาที่จะจำกัดการลงทุนของสหรัฐในจีน และปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ

ทั้งนี้ บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาที่จะจำกัดพอร์ทการลงทุนของนักลงทุนสหรัฐในจีน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะสร้างความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน และส่งผลกระทบต่อการลงทุนวงเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่เกี่ยวข้องกับดัชนีหุ้น

บลูมเบิร์กยังรายงานด้วยว่า แนวทางหนึ่งในการจำกัดการลงทุนของสหรัฐในจีน คือการปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ และจำกัดการลงทุนของกองทุนบำนาญของรัฐบาลสหรัฐในตลาดจีนด้วย

ราคาหุ้นของบริษัทอาลีบาบา, บริษัทไป่ตู้, บริษัทเจดี.คอม รวมทั้งหุ้นของบริษัทจีนแห่งอื่นๆ ที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงเมื่อคืนนี้ หลังมีข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมจำกัดการลงทุนในจีน และปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาปัจจัยการเมืองในสหรัฐ โดยนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศเริ่มกระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ

สำหรับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค.

ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทรงตัวในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 1.4% เป็นเดือนที่ 4

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยด้วยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.0% ในเดือนก.ค.

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค. และนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานทรงตัวในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนส.ค.

หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ปรับตัวลงตามหุ้นไมครอน เทคโนโลยี อิงค์ ซึ่งดิ่งลง 11.09% หลังคาดการณ์ผลกำไรไตรมาสแรกที่น่าผิดหวัง โดยหุ้นอินเทล ลบ 0.27% และ หุ้นควอลคอมม์ ลดลง 0.93%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ