ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิล หลังจากเจพีมอร์แกนประกาศปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นแอปเปิล อันเนื่องมาจากยอดขาย iPhone ที่มีแนวโน้มสูงกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าสหรัฐกำลังพิจารณาจำกัดการลงทุนในจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,916.83 จุด เพิ่มขึ้น 96.58 จุด หรือ +0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,976.74 จุด เพิ่มขึ้น 14.95 จุด หรือ +0.50% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,999.34 จุด เพิ่มขึ้น 59.71 จุด หรือ +0.75%
หุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ พุ่งขึ้น 2.35% หลังจากเจพีมอร์แกนประกาศปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นแอปเปิลขึ้นสู่ระดับ 265 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 243 ดอลลาร์ พร้อมกับคาดการณ์ว่า แอปเปิลจะมียอดขาย iPhone มากกว่าคาดราว 1 ล้านเครื่องในไตรมาส 3 และมากกว่าคาดราว 3 ล้านเครื่องในไตรมาส 4
การพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิลช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 0.94% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้น Qorvo Inc พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นแลม รีเสิร์ช เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษานโยบายการค้าประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า รายงานข่าวของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่ระบุว่า สหรัฐกำลังพิจารณาจำกัดการลงทุนในจีนนั้น เป็นรายงานข่าวที่ไม่ถูกต้อง โดยก่อนหน้านี้บลูมเบิร์กรายงานว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาที่จะจำกัดการลงทุนของสหรัฐในจีน และเพิกถอนบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับถ้อยแถลงของนายนาวาร์โร โดยหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ปรับตัวขึ้น 0.8% หุ้นไป่ตู้ พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นแซดทีโอ เอ็กซ์เพรส พุ่งขึ้น 3.6% และหุ้นนิว โอเรียลทัล เอดดูเคชัน แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป ทะยานขึ้น 1.3%
หุ้นเทสลา ปรับตัวลง 0.5% หลังจากศาลสหรัฐระบุว่า บริษัทเทสลา อิงค์ ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างไม่เป็นธรรม ด้วยการขัดขวางไม่ให้พนักงานจัดตั้งสหภาพแรงงาน
ทั้งนี้ ตลอดทั้งเดือนก.ย. ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2% ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 1.7% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.5% ส่วนตลอดไตรมาส 3 ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ต่างก็ปรับตัวขึ้น 1.2% แต่ดัชนี Nasdaq ลดลง 0.1%
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ หลังจากนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า วุฒิสภาจะรับเรื่องการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง หากสภาผู้แทนราษฎรมีมติถอดถอนปธน.ทรัมป์ อันเนื่องมาจากรายงานที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำยูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่นักลงทุนจับตาในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM),จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค., ดุลการค้าเดือนส.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.