ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบธุรกิจของสหรัฐมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยข้อมูลภาคการผลิตที่ซบเซาของสหรัฐได้ฉุดหุ้นบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้น 3M และหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,573.04 จุด ร่วงลง 343.79 จุด หรือ -1.28% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,940.25 จุด ลดลง 36.49 จุด หรือ -1.23% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,908.68 จุด ลดลง 90.65 จุด หรือ -1.13%
ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน จนกระทั่งปิดตลาดดิ่งลงกว่า 300 จุด หลังจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.2 จากระดับ 49.1 ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ และเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2
รายงานระบุว่า ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงเช่นกัน เนื่องจากภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงหลังการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ซบเซาของสหรัฐ โดยหุ้น 3M ร่วงลง 3.67% หุ้นฮันนีเวลล์ ร่วงลง 2.9% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 3.1% หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.4% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ดิ่งลง 3.7% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 2% หุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 2.8% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ร่วงลง 2.4%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.2% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 2.3% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 1.6% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 6.01% หุ้นอาปาเช คอร์ป ร่วงลง 5.2% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 1.4%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัสดุร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ร่วงลง 4.2% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ร่วงลง 1.4% หุ้นซีลด์ แอร์ คอร์ป ลดลง 1.7% และหุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 1.05%
หุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับตัวลงเช่นกัน นำโดยหุ้นยัม ไชน่า โฮลดิ้ง ร่วงลง 2.7% หุ้นแซดทีโอ เอ็กซ์เพรส ร่วงลง 1.4%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค. ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM),จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค., ดุลการค้าเดือนส.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.