ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก หลังการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐต่ำสุดรอบกว่า 10 ปี และหดตัวเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ย. ขณะที่ภาคการผลิตของยูโรโซนก็ยังคงเผชิญภาวะหดตัวในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน และ ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรก็ยังคงอยู่ในภาวะหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งเป็นการหดตัวยาวนานที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 2552
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,360.32 จุด ลดลง 47.89 จุด หรือ -0.65%
ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง หลังสหรัฐและหลายประเทศในยุโรปเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตหดตัวลง โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2552 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 50.2 จากระดับ 49.1 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ และเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2
ส่วนไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 45.7 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2555 จากระดับ 47.0 ในเดือนส.ค. โดยดัชนี PMI ยังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงเผชิญภาวะหดตัวในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน
ไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส ยังเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.3 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 47.4 ในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรยังคงอยู่ในภาวะหดตัว โดยได้หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหดตัวที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 2552
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่องค์การการค้าโลก (WTO) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของการค้าโลกในปีนี้ สู่ระดับ 1.2% ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวด้วย
หุ้นที่ทำธุรกิจในฮ่องกงและเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วงรุนแรงในฮ่องกงที่ดำเนินมาเป็นเดือนที่ 4 แล้ว อาทิ หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 2.54% และ หุ้นเอชเอสบีซี ลบ 1.07%
หุ้นแอสตราเซเนกา ร่วงลง 1.7% หลังสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ไม่อนุมัติยาของบริษัทในการรักษาโรคปอดสำหรับผู้สูบบุหรี่