ดาวโจนส์ทรุดหนักกว่า 500 จุด หุ้นพลังงาน,เทคโนโลยีดิ่งนำตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 2, 2019 23:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 500 จุด โดยนักลงทุนกังวลต่อการทำสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและยุโรป ขณะที่การเจรจาการค้ากับจีนยังไม่ได้ข้อสรุป

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ

ณ เวลา 22.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,062.06 จุด ลบ 510.98 จุด หรือ 1.92%

หุ้นกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยีดิ่งลงนำตลาดในวันนี้

ทั้งนี้ นางเซซิเลีย มัลสตรอม ประธานคณะกรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป (EU) กล่าวว่า EU พร้อมจะตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากยุโรปตามคำตัดสินขององค์การการค้าโลก (WTO)

"หากสหรัฐตัดสินใจดำเนินการตอบโต้ตามคำตัดสินของ WTO สิ่งนี้จะผลักดันให้ EU เข้าสู่สถานการณ์ที่ทำให้เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องดำเนินการตอบโต้เช่นเดียวกัน" นางมัลสตรอมกล่าว

นางมัลสตรอมยังเตือนว่า การดำเนินมาตรการตอบโต้กันระหว่าง EU และสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนจากทั้งสองฝ่าย ขณะที่ EU และสหรัฐต่างมีความผิดเหมือนกันจากการที่ EU อุดหนุนแอร์บัส และสหรัฐอุดหนุนโบอิ้ง

ทั้งนี้ WTO มีคำตัดสินในวันนี้ให้ความเห็นชอบต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐในการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากยุโรปวงเงิน 7.5 พันล้านดอลลาร์

คณะอนุญาโตตุลาการของ WTO มีมติเห็นชอบต่อรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากยุโรป ขณะที่ระบุว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และสเปน ให้การอุดหนุนอย่างผิดกฎหมายต่อบริษัทแอร์บัส

WTO ยังระบุว่า EU ได้ปฏิเสธที่จะดำเนินการเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการให้การอุดหนุนแอร์บัส หรือยกเลิกมาตรการดังกล่าว ซึ่งได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลประโยชน์ของสหรัฐ โดยทำให้ยอดขายของเครื่องบินขนาดใหญ่ของสหรัฐทรุดตัวลงอย่างมาก

รัฐบาลสหรัฐได้เริ่มยื่นเรื่องร้องเรียนดังกล่าวต่อ WTO ในปี 2547 เกี่ยวกับการที่รัฐบาลยุโรปให้การอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมต่อการผลิตเครื่องบินแอร์บัส A350 และ A380

ทางด้านผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.2 จากระดับ 49.1 ในเดือนส.ค.

ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ และเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2

รายงานระบุว่า ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. ขณะที่การบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงเช่นกัน เนื่องจากภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง

นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน ขณะที่นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนเร็วกว่าที่คาดไว้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลกระทบจากการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า ตลาดหุ้นดิ่งลงในระยะนี้ โดยมีสาเหตุจากการที่พรรคเดโมแครตผลักดันให้มีการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง

"เรื่องไร้สาระของการถอดถอนผมออกจากตำแหน่ง ซึ่งยังคงไม่มีความคืบหน้า กำลังทำให้ตลาดหุ้นทรุดตัวลง และเงินที่คุณจะได้รับจากโครงการเกษียณอายุลดน้อยลง แต่นี่เป็นสิ่งที่พรรคเดโมแครตต้องการที่จะทำ พวกเขาพร้อมที่จะสร้างความเสียหายต่อประเทศ โดยคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะชนะเลือกตั้งในปีหน้า" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศการเริ่มกระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ

ทั้งนี้ นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย

ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 125,000 ตำแหน่ง แต่ชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 157,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.

การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ถือเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ส่งผลให้ตัวเลขการจ้างงานเฉลี่ยของภาคเอกชนในปีนี้อยู่ที่ระดับ 145,000 ตำแหน่ง ลดลงจากระดับ 214,000 ตำแหน่งในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7%

เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 3.7% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ