ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับการทำสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและยุโรป หลังจากองค์การการค้าโลก (WTO) มีมติเห็นชอบให้รัฐบาลสหรัฐเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนก็ยังไม่ได้ข้อสรุป นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วง 2.70% ปิดที่ 377.52 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,422.77 จุด ร่วง 174.85 จุด หรือ -3.12%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,925.25 จุด ร่วง 338.58 จุด หรือ -2.76% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,122.54 จุด ร่วง 237.78 จุด หรือ -3.23%
ตลาดถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและยุโรป หลังจากคณะอนุญาโตตุลาการของWTO มีมติเห็นชอบให้รัฐบาลสหรัฐเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป โดยระบุว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และสเปน ให้การอุดหนุนอย่างผิดกฎหมายกับบริษัทแอร์บัส
ด้านสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ออกแถลงการณ์ในวันพุธตามเวลาสหรัฐว่า รัฐบาลสหรัฐวางแผนที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) หลายรายการ หลังจาก WTO ลงมติเห็นชอบข้อเรียกร้องของสหรัฐในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป วงเงิน 7.5 พันล้านดอลลาร์ โดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ว่า สหรัฐจะเริ่มดำเนินการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ตามมติเห็นชอบของ WTO ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ดี สหรัฐก็ยังคาดหวังที่จะเจรจากับ EU เพื่อคลี่คลายประเด็นนี้
หุ้นแอร์บัส ร่วงลง 2.04% โดยได้รับผลกระทบจากข่าวดังกล่าว
ส่วนหุ้นกลุ่มน้ำมันร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบเบรนท์ โดยหุ้นโททาลของฝรั่งเศส ร่วง 3.98% ขณะที่หุ้นเชลล์และหุ้นบีพีของอังกฤษ ร่วง 3.29% และ 2.94% ตามลำดับ
บรรดานักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลภาคบริการของยูโรโซนในวันพฤหัสบดีนี้